1.ไม้ยืนต้น คืนต้นไม้ลำต้นเดี่ยวทอดสูงขึ้น แบ่งความสูงได้ 3 ขนาด คือ 10 เมตรขึ้นไป
ต่ำกว่า 10 เมตร และต่ำกว่า 5 เมตร ที่นิยมนำมาปลูกก็คือ สะเดา, แคนา, ปาล์ม ประโยชน์ที่นักจัดสวนเลือกไม้ยืนต้นมาใช้ก็คือ ให้ร่มเงา เป็นฉากบังสายตา กันฝุ่น กลิ่นไม่พึงประสงค์
ไม้ยืนต้นที่มีทรงสูง มักจะถูกนักจัดสวนหยิบจับมาวางไว้ให้เป็นพระเอกของสวน ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมวางไว้ในตำแหน่ง ริมรั้ว, มุมรั้ว, กลางสนาม,ในกลุ่มสวน
1. ไม้ระดับกลาง จะมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ต้นกระดาษเขียว, ต้นกระดาษขาว, ต้นกระดาษดำ เวลาจะปลูกต้องคำนึงด้วยว่าตอนโตเต็มที่จะเจริญเติบโตอยู่ได้หรือไม่
2. ไม้พุ่ม จะนิยมใช้ในการเป็นจุดเด่นในสนามหญ้า หรือปลูกไล่ไปตามรั้วบ้าน หรือไม่ก็ปลูกในกระถางให้ สวยงาม ปกติแล้วไม้พุ่มในบ้านเราจะนิยมเน้นเลือกไม้ที่มีลักษณะใบเด่นกว่าดอก อาทิ แก้ว, เข็ม, เทียนทอง, เทียนหยด, พลับพลึง, ชบา 3 สี
3. ไม้คลุมดิน เป็นไม้เล็กที่แม้จะดูต่ำเตี้ย แต่ในตำราของนักจัดสวนแล้ว ถือว่า ขาดไม่ได้เลยทีเดียว เพราะไม้พวกนี้จะทำให้เกิดความรู้สึกนุ่มนวลขึ้นและเกิดความรู้สึกต่อเนื่องไปกับสนามหญ้า เวลามองสวนสวยภายในบริเวณบ้าน ที่นิยมกันก็คือ หลิวดอกขาว, เฟิร์นมะขาม ฯลฯ เมื่อนำไม้ทั้ง 4 ลักษณะมาจัดวางในสวนของบ้าน จะต้องดูความเหมาะสม ดูทิศทางลมด้วยว่า ต้นไม้ชนิดใดเป็นไม้หอม ก็ควรจัดวางไว้ในตำแหน่งลมพัดผ่าน ที่สำคัญต้องคำนึงถึงความสวยงาม และศิลปะการจัดวางให้พื้นที่ ซึ่งหากเข้าใจ สวนผืนเล็ก ๆ อาจกลายเป็นประติมากรรมอันงดงามฝีมือของคุณเองก็เป็นได้ เป็นประติมากรรมมีชีวิตที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่จากเพื่อนมนุษย์เช่นเดียวกัน ซึ่งในระยะแรกเริ่มที่ต้นไม้เพิ่งหยั่งรากลงสู่ดิน
คงต้องมีการรดน้ำกันให้ชุ่มช่ำ กระทั่งผ่านพ้น 1 เดือนไปแล้ว นั่นแหละถึงเริ่มพิจารณาดูที่สภาพของดินว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยรดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมเสริมสวยโดยการตัดแต่งกิ่งก้านที่เกิดงามให้เข้าที่เข้าทางด้วย ไม่เช่นนั้น สวนสวย ๆ อาจกลายเป็นป่ารกชัฏ และนำพาสัตว์ตัวร้ายอาทิ งู เข้ามาอยู่ในบ้าน